วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

สัปดาห์ที่ 5

วิธีการสอนและเทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ






 เทคนิคผึ้งแตกรัง

ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้

                1.  ครูเลือกเนื้อหา 1 หน่วยการเรียนรู้และจัดแบ่งเนื้อหาเป็นหน่วยย่อย ๆ
                2.  ครูจัดศูนย์การเรียนรู้เอาไว้ที่ต่าง ๆ
                3.  แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5-7 คน  โดยให้คละเด็กเก่ง  ปานกลาง  อ่อน
                4.  แต่ละกลุ่มวางแผนมอบหมายให้เพื่อนสมาชิกรับผิดชอบในการศึกษาความรู้จากศูนย์การเรียนต่าง ๆ
                5.  ตัวแทนกลุ่มไปศึกษาความรู้จากฐานการเรียนรู้ที่ได้รับมอบหมาย
                6.  ตัวแทนกลุ่มที่ไปศึกษาความรู้จากศูนย์การเรียนต่าง ๆ ร่วมกันจัดทำแผนผังความคิดเพื่อสรุปสาระสำคัญ (Concept Mapping)
                7.  ตัวแทนกลุ่มกลับไปสู่กลุ่มเดิม และนำเอาแผนผังความคิดสรุปสาระสำคัญมาอธิบายให้เพื่อนในกลุ่มฟัง
                8.  ให้แต่ละกลุ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสาระสำคัญความรู้จากฐานต่าง ๆ กลุ่มละ 20 คำถาม
                9.  กลุ่มนำคำถามเหล่านี้ซักถามเพื่อนสมาชิกในกลุ่มเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจ
                10.  กลุ่มนำคำถามเหล่านี้ไปให้กลุ่มอื่นหาคำตอบและเฉลย


กิจกรรมผึ้งแตกรัง


กลุ่มที่ 1



สรุป   วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นวิธีการดำเนินการที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ วิธีการเรียนการสอนจะเน้นให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาในหลาย ๆ ด้านแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน เช่น วิธีการสอนแบบแสดงบทบาท เป็นวิธีการที่ผู้เรียนต้องสวมบทบาทของผู้อื่นตามที่ผู้สอนกำหนดให้ จากวิธีการสอนนี้ผู้เรียนจะเกิดการเรียนรู้ทางความคิด อารมณ์ ความกล้า ความอดทนและอื่น ๆ เพราะต้องเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของตนให้กลายเป็นผู้อื่น 


กลุ่มที่ 2














สรุป   รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือเทคนิกหรือวิธีการที่มุ่งพัฒนาทักษะหรือพฤติกรรมของผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ เช่น เทคนิคการตั้งคำถามจะเน้นให้ผู้เรียนเกิดกระบวนการคิด การตีความ การไตร่ตรอง บทบาทของผู้เรียนจะเรียนรู้จากการคิดเพื่อสร้างข้อคำถามและคำตอบด้วยตนเอง


กลุ่มที่ 3








สรุป   เทคนิควิธีสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนการสอน คือกลวิธีต่างๆที่ช่วยให้การสอนนั้นมีคุณภาพมากขึ้น เป็นวิธการสอนที่เกิดการเร็นเรียนที่รวดเร็ว รู้ลึก และทำให้เกิดความทรงจำระยะยาว เช่น วิธีสอนโดยใช้เกม จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง เมื่อสอนโดยใช้เกมก็จะเกิดความสนุก ผู้เรียนชอบ ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความคงทนของความรู้ที่ได้


กลุ่มที่ 4




สรุป   เทคนิคการใช้ผังกราฟิก เป็นเทคนิคที่ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างเข้าใจ โดยผู้เรียนต้องทำความเข้าใจจากเรื่องที่ศึกษาแล้วสรุปออกมาเป็นความคิดของตน และใช้ทักษะคิดวิเคราห์แยกแยะเพื่อนนำมาสร้างเป็นผังกราฟฟิก เช่น ผังความคืดเรื่อง "คอมพิวเตอร์" ผู้เรียน อาจแยกหัวข้อย่อยเป็น ประวัติของคอมพิวเตอร์ ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ เป็นต้น


กลุ่มที่ 5




สรุป   การเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือแนวการจัดการเรียนการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนสร้างความรู้ใหม่ และสิ่งประดิษฐ์ใหม่โดยใช้กระบวนการทางปัญญา (กระบวนการคิด) กระบวนการทางสังคม (กระบวนการกลุ่ม) และให้ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์และมีส่วนร่วมในการเรียน สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้


กลุ่มที่ 6


สรุป   เทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือการจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้เรียนรู้ โดยพยายามจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้สร้างความรู้ ได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคล สื่อ และสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยใช้กระบวนการต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้


กลุ่มที่ 7


สรุป   การจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือการจัดการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดความรู้เพื่อให้ผู้เรียนแต่ละคนพัฒนาตนเองสูงสุด ตามกำลังหรือศักยภาพของแต่ละคน 
แนวทางในการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542ในมาตรา 42 ถือ ว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด กระบวนการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้เป็นการส่งเสริมผู้เรียนให้เรียนรู้ด้วย สมอง ด้วยกาย และด้วยใจ สามารถสร้างองค์ความรู้ผ่านกระบวนการคิดด้วยตนเองมีส่วนร่วมในการเรียนการส อน เน้นการปฏิบัติจริง สามารถทำงานเป็นทีมได้

























วิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 

วิธีการสอนแบบแก้ปัญหา 

       ประโยชน์และข้อจำกัดของวิธีการสอนแบบแก้ปัญหา

ประโยชน์ของวิธีการสอนแบบแก้ปัญหา

     1.การเสนอปัญหาที่น่าสนใจจะทำให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียน

     2.ผู้เรียนได้ฝึกคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง มีการฝึกทักษะ การสังเกต วิเคราะห์ หาเหตุผลใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ

     3.ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการทำงานร่วมกับการทำกิจกรรมกลุ่ม เป็นการฝึกวิถีชีวิตประชาธิปไตย

     4.ผู้เรียนได้ฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ ทำให้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย

     5.ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์ตรง ทำให้มีความกระจ่างชัดเจนจากประสบการณ์การเรียนรู้ นำทักษะที่ได้รับ เช่น การเผชิญปัญหา การหาแนวทางในการแก้ปัญหา การตัดสินใจ เป็นประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต







ข้อจำกัดของการสอนแบบแก้ปัญหา

1.ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ค่อนข้างมาก

2.ปัญหาที่นำมาเสนอนั้นจะต้องน่าสนใจเหมาะสมกับวัยและระดับสติปัญญาของผู้เรียน

3.ผู้เรียนจะต้องมีทักษะในการค้นคว้าหาข้อมูล มิฉะนั้นจะได้ข้อมูลไม่เพียงพอต่อการสรุปและตัดสินใจ

4.ผู้สอนจะต้องมีความสามารถในการช่วยแนะนำหรือแนะแนวทางในการแก้ปัญหาให้แก่ผู้เรียน


ขั้นตอนการสอน

วิธีสอนแบบแก้ปัญหาสามารถแบ่งเป็นขั้นตอนได้ ดังนี้

1.ขั้นกำหนดปัญหา

ผู้สอนและผู้เรียนอาจร่วมกันตั้งปัญหา ปัญหาที่นำมานั้นอาจมาจากแหล่งต่างๆ เช่น ปัญหาที่มาจากความสนใจของผู้เรียนส่วนใหญ่ ปัญหาที่มาจากบทเรียน โดยผู้สอนกำหนดขึ้นมาเองโดยพิจารณาจากบทเรียน เนื้อหาตอนใดเหมาะสมที่จะนำมาเป็นประเด็นในการตั้งปัญหาเพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ ปัญหาที่เกี่ยวกับสังคมเป็นปัญหาที่พบเห็นกันทั่วไปในสภาพแวดล้อมของตัวผู้เรียน การหยิบยกมาเป็นปัญหาในการศึกษาย่อมจะเป็นสภาวะที่ทำให้ผู้เรียนเห็นว่ากำลังเผชิญกับปัญหาในชีวิตจริง ปัญหาที่เกิดจากประสบการณ์ของผู้เรียน ได้แก่ ปัญหากฎหมาย ปัญหาชีวิต ปัญหาสิ่งแวดล้อม

เมื่อกำหนดปัญหาแล้ว ผู้สอนเน้นให้ผู้เรียนทำความเข้าใจปัญหาที่พบในประเด็นต่างๆ เช่น ปัญหาถามว่าอย่างไร มีข้อมูลใดแล้วบ้าง ต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีกบ้าง การฝึกให้ผู้เรียนวิเคราะห์ปัญหาจะทำให้มีความเข้าใจปัญหามากขึ้น การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในขั้นนี้ ผู้สอนอาจตั้งปัญหา ตั้งคำถามให้ผู้เรียนเกิดข้อสงสัย เช่น การใช้คำถาม, การเล่าประสบการณ์หรือการสร้างสถานการณ์ให้เกิดปัญหา, การให้ผู้เรียนคิดคำถามหรือปัญหาและการสาธิต เพื่อก่อให้เกิดปัญหา

2.ขั้นตั้งสมมติฐาน

การตั้งสมมติฐานเป็นการคาดคะเนคำตอบของปัญหา โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ช่วยในการคาดคะเน ขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนการใช้เหตุผลในการคิดวิเคราะห์ปัญหาและคาดคะเนคำตอบ พิจารณาแยกปัญหาใหญ่ออกเป็นปัญหาย่อย แล้วคิดอย่างเป็นระบบ ผู้เรียนจะพยายามใช้ความรู้ความเข้าใจ ประสบการณ์เดิมมาคิดแก้ปัญหา คาดคะเนคำตอบ แล้วจึงหาทางพิสูจน์ว่าคำตอบที่คิดกันขึ้นมานั้นมีความถูกต้องอย่างไร แนวทางการคิดเพื่อตั้งสมมติฐาน เช่น ปัญหานั้นน่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร หรือวิธีการแก้ปัญหานั้นน่าจะแก้ไขได้โดยวิธีใด

3.ขั้นวางแผนแก้ปัญหา

ขั้นนี้จะเป็นขั้นที่มีการวางแผน หรือออกแบบวิธีการหาคำตอบจากสมมติฐานที่ได้ตั้งไว้โดยศึกษาถึงสาเหตุที่เกิดปัญหาขึ้น และใช้เหตุผลในการคิดหาวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงกับสาเหตุ โดยหาวิธีการแก้ปัญหาหลายๆ วิธี แล้วใช้วิธีพิจารณาเลือกวิธีแก้ปัญหาวิธีที่ดีที่สุด เป็นไปได้มากที่สุด ในกรณีที่มีปัญหานั้นต้องตรวจสอบด้วยการทดลอง ก็ต้องกำหนดวิธีทดลองหรือตรวจสอบเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือที่จะใช้ให้พร้อม

4.ขั้นการเก็บและการรวบรวมข้อมูล

ขั้นการเก็บและรวบรวมข้อมูลนี้เป็นขั้นที่ผู้เรียนจะศึกาค้นคว้าความรู้จากแหล่งต่างๆ เช่น ห้องสมุด อินเทอร์เน็ต ตำราเรียน การสังเกต การทดลอง การไปทัศนศึกษา การสัมภาษณ์ผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญ จากสถิติต่างๆ ในขั้นนี้ผู้เรียนจะใช้วิธีการจดบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อนำข้อมูลมาทดสอบสมมติฐาน

5.ขั้นวิเคราะห์ข้อมูลและทดสอบสมมติฐาน

เมื่อได้ข้อมูลที่รวบรวมมาแล้ว ผู้เรียนก็นำข้อมูลนั้นๆ มาพิจารณาว่าจะน่าเชื่อถือหรือไม่ประการใด เพื่อนำข้อมูลนั้นๆ ไปวิเคราะห์และทดสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้ว่าเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่

6.ขั้นสรุปผล

เป็นขั้นที่นำข้อมูลมาพิจารณาแปลความหมายระหว่างสาเหตุกับผลที่เกิดขึ้น ผู้เรียนประเมินผลวิธีการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจเลือกวิธีการที่ได้ผลดีที่สุดในการแก้ปัญหา หรือเป็นการสรุปลงไปว่าเชื่อสมมติฐานที่กำหนดไว้นั่นเง ซึ่งอาจจะสรุปในรูปของหลักการที่จะนำไปอธิบายเป็นคำตอบ หรทอวิธีแก้ปัญหา และวิธีการนำความรู้ไปใช้ อนึ่งในการสรุปผลนั้น เมื่อได้ข้อสรุปเป็นหลักการแล้ว ควรนำพิจารณาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งว่าน่าเชื่อถือหรือไม่










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน

สัปดาห์ที่ 1

บล็อคนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาการออกแบบ และ การจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน โดย ผศ.ดร.พิจิตรา ธงพานิช ผู้จัดทำ นางสาวกัลยรัตน์ ...